หลังจากผ่านไป 5 เดือนกว่าตอนนี้ได้น้องเพิ่มมาอีก กำลังจะปรับรูปแบบงานบริบาลผู้ป่วยใน ให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันกับงานบริการผู้ป่วยใน โดยเอาแนวคิดของ
PCNE มาปรับปรุงได้ออกมา ตามนี้นะ
Prescription validation จากเดิมที่มีการตรวจสอบเพียงแค่คีย์ยาถูกต้องตามที่แพทย์สั่งมา จัดยาถูกคน ชนิด ขนาด และจำนวน
+ ตรวจสอบขนาดการใช้ยาว่าเหมาะสมกับน้ำหนัก และอยู่ในช่วงปกติทั้งในผู้ป่วยเด็ก และผู้ใหญ่ (เภสัชที่อยู่ตรงจุดนี้ต้องมีความแม่นยำในเรื่องขนาดการใช้ยา)
+ ตรวจสอบ Fatal drug interaction, Drug allergy (ป้องกันกรณีที่คนคีย์เพิกเฉยต่อ alert จากโปรแกรม)
+ ตรวจสอบ trigger tool เช่น การสั่งใช้ antidote เพื่อส่งต่อให้กับ Intermediate medication reviewer
Intermediate medication review เป็นจุดที่ต้องทบทวนการใช้ยาของผู้ป่วยภายหลังจากผู้ป่วย admit ไปแล้ว (ตอนนี้ประกันเวลาที่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง) โดยอาศํยค่า lab และ ข้อมูลจาก Doctor order sheet ที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์
+ ตรวจสอบขนาดการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตลดลง เมื่อพบจึงส่งต่อให้ทีม intervention ดำเนินการปรึกษาแพทย์
+ ค้นหาผู้ป่วยที่ต้องทำ medicaton reconcile (ตอนนี้กำลังทดลอง filter ที่มีความเหมาะสมอยู่) เพราะการทำทุกเคสทำให้การดูแลไม่ครอบคลุม
+ ตรวจสอบ trigger tool ที่ Prescription validator ส่งมาก่อนส่งให้ทีม intervention
+ แยกผู้ป่วยตามกลุ่มโรคเป้าหมาย และสรุปข้อมูลเบื้องต้นส่งต่อให้ ทีม intervention
+ monitor ผู้ป่วยตามกลุ่มโรคเป้าหมายที่ ทีม intervention ได้ไปดูแลแล้ว ถ้าพบการเปลี่ยนแปลงของยา หรือ ค่า lab ที่ส่งผลต่อผู้ป่วย จะส่งให้ ทีม intervention ไปดูแลอีกที
Advanced medication review & Intervention ทีมนี้ต้องขึ้นไปดูแลผู้ป่วยที่วอร์ด โดยอาศํยข้อมูลเบื้องต้นและข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมจากการซักประวัติมาใช้ในการทบทวนการใช้ยา เพื่อค้นหา DRPs และดำเนินการแก้ไข และทำงานอื่นที่ถูกส่งต่อมาดังนี้
+ Medication reconcile
+ Allergy Clarification
+ Renal dosage adjustment
+ Solve adherence issue
+ Inform drug data
จากสามจุดที่เล่าไปจะเห็นว่าเค้าใช้ระบบสายพานของการส่งต่อข้อมูล เพื่อให้เกิดการดูแลที่ครบถ้วน และทันเวลาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แทนที่จะใช้การทำงานของคนคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งสิ้นเปลืองเวลา และมี productivity ต่ำกว่าการทำงานเป็นทีม แต่การที่จะทำให้ทีมทำงานด้วยกันได้อย่างสอดคล้องกัน จะต้องมีกฏ ระเบียบ แนวทางในการทำงานและความเชื่อใจกัน และที่สำคัญทุกคนต้องหมุนเวียนการทำงานทุกจุด เพื่อให้เห็นมุมมองของแต่ละงาน ไม่ให้เกิดการผูกขาดงาน ให้ทุกคนรักงานของทีม ไม่ใช่รักแค่งานของตนเอง
model นี้ เริ่ม implement บ้างแล้วแต่ยังไม่เต็มระบบ เพราะต้องรอผลจากห้องทดลองก่อน และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเพื่อให้เข้ากับบริบทของงาน ใครมีอะไรแลกเปลี่ยน เชิญได้เลย